ข้อความที่เป็นกฎ หรือทฤษฎีในทางคณิตศาสตร์นั้นโดยทั่วไปจะอยู่ในรูป implication หรือ "ถ้า...แล้ว..."  เช่น "ถ้า a เป็นเลขคู่แล้ว กำลังสองของ a ก็จะเป็นเลขคู่ด้วย " ในกระบวนการ(algorithm) ของการให้เหตุผลหรือการพิสูจน์นั้น อาจจะมีหลายขั้นตอนกว่าจะได้ผลสรุปที่สมเหตุสมผลออกมา โดยใช้กฎทางตรรกะที่เรียกว่า กฎของตรรกบท(law of syllogism) เป็นเครื่องมือในการสรุป
ตัวอย่าง เช่นการพิสูจน์ข้อความที่กล่าวมาข้างต้น :  "ถ้า a เป็นเลขคู่แล้ว กำลังสองของ a ก็จะเป็นเลขคู่ด้วย " ดังนี้
ขั้นที่ 1   จากเหตุที่กำหนดให้ว่า a เป็นเลขคู่  โดยใช้บทนิยามของเลขคู่จะได้ผลคือ   a = 2n   เมื่อ n เป็นจำนวนเต็มบางตัว
ขั้นที่ 2   จาก ผลที่ได้ในขั้นที่ 1 คือ a = 2n ทำหน้าที่เป็นเหตุใหม่ส่งให้เกิดผลใหม่ คือ เมื่อนำมายกกำลังสองทั้งสองข้าง จะได้ กำลังสองของ a เท่ากับ 2m เมื่อ m เท่ากับ  2 เท่าของกำลังสองของ n   แสดงว่า กำลังสองของ a เป็นเลขคู่นั่นเอง
          
         นั่นคือ เมื่อมีเหตุก็ย่อมมีผลที่สอดคล้องกับเหตุนั้นเสมอ   และแต่ละผลที่เกิดขึ้นก็ย่อมทำหน้าที่เป็นเหตุใหม่และส่งผลให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาได้แน่นอน   เหตุอย่างไรผลอย่างนั้น  หมุนวนไปเช่นนั้นเป็นอนันต์  ความคิดสร้างสรรค์หรือทำลายล้างของมวลมนุษย์ที่ขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากย่อมไม่มีวันจบสิ้น   ดังพุทธอมตวาจาที่ปรากฏเป็นทฤษฎีสัมพัทธภาพซึ่งเป็นกฎที่เป็นความจริงสากล(ultimate truth) สูงสุดแห่งจักรวาลซึ่งบัญญัติไว้ว่า
เมื่อสิ่งนี้มี     สิ่งนี้จึงมี   
เมื่อสิ่งนี้เกิด       สิ่งนี้จึงเกิด
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี      สิ่งนี้จึงไม่มี
เมื่อสิ่งนี้ดับ        สิ่งนี้จึงดับ
... สาธุ  สาธุ  สาธุ ..
ขอพรแห่งพระพุทธะ จงคุ้มครองให้ทุกท่านจงประสบแต่ความสวัสดีมีชัย 
มหาพุทธมนต์ :" นัมเมียว  โฮเร็ง  เงเคียว "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น