เขียนตำราอย่างไรจึงจะผ่านประเมินผ่าน จากการเข้าร่วมสัมมนาเขียนตำราอย่างไรจึงจะผ่านการประเมิน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2551 บรรยายโดย ศ.ปรีชา ช้างขวัญยืน ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทราบกันอยู่แล้วขอสรุปทบทวนมาฝากผู้ที่สนใจดังนี้
1. กระบวนความรู้สาขาต่าง ๆ มักอยู่ในวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยฯ มีวารสารที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่จะเขียนหรือยัง ทั้งของในประเทศและต่างประเทศ
2. การเขียนหนังสือต้องคำนึงถึงว่าใครเป็นผู้อ่านถ้าผู้อ่านมีความรู้อยู่แล้วความรู้ต้องทันสมัยเนื่องจากความรู้เปลี่ยนไป ความเข้าใจเปลี่ยนไปเบื้องต้นที่เขียนต้องต่างกันของคนอื่นมีอยู่แล้ววิธีนำเสนอ
· เสนอเป็นประวัติ ,ลำดับเวลา
· เสนอเป็นปัญหา , โยงสู่เรื่องที่สังคมเชื่อถือ
· กรรมการจะนำไปเทียบกับของคนอื่นว่าความรู้สมควรกับตำแหน่งวิชาการหรือไม่
· ระวังมาตรฐานของตนเอง ให้คำนึงถึงว่าแค่นี้พอหรือยัง มีการอ้างอิง ปิดข้อโต้แย้งได้ครบถ้วนหรือยัง อย่าคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้ว โดยคิดว่าอย่าทำผลงานให้ด้อยกว่าวิทยานิพนธ์ของลูกศิษย์ โดยใช้เกณฑ์ของ สกอ.
3. การประเมินส่วนจริยธรรม คนที่ส่งตำราให้คณะกรรมการอ่านควรมีจริยธรรมอย่างไร
- อย่าให้เป็นคดีความ
- การอ้างอิงต้องเคารพ แสดงให้เห็นที่มา
- การคัดลอกมายาวไม่อ้างอิงเป็นการผิดจรรยาบรรณ
4. เกณฑ์ดี ดีมาก ขึ้นอยู่กับคนอ่าน ขึ้นอยู่กับความรู้สึกเนื้อหาอย่างเดียวกัน คนเขียนอธิบายต่างกันให้ความชิดหรือไม่ชิดต่างกัน มีแผนภูมิตางราง รูปภาพการจัดรูปเล่มตัวอักษร จะทำให้อ่านง่าย คนอ่านเข้าใจได้ทำให้ได้ผลงานที่ดี กรรมการภายในควรตรวจสอบก่อนที่ตะออกสู่ภายนอกเพราะมันจะดูมีคุณค่าต่างกัน
5. กรณีที่มีงานหลายชิ้นเลือกงานที่คุณภาพดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องส่งทุกชิ้น เมื่อเสนอไปจะทำให้ผู้อ่านรู้ว่าผู้ส่งมีความรู้ ส่งน้อยชิ้นแล้วดี ดีกว่าส่งมากชิ้นแต่ไม่ดี ควรมีงานที่ทำคนเดียว บทความวิชาการต้องทำให้สมบูรณ์คนเดียว ลักษณะงานต้องครบตามประเภทควรมีการทบทวนเรื่อง:-
ภาษาและไวทยากร
ข้อมูลต้องที่นำมาเขียนต้องเป็นปัจจุบัน
อ้างงานของคนอื่นมากเกินไปแสดงว่าไม่มีส่วนของตนเองเลย
เขียนขยายส่วนที่มีอยู่ในหลักสูตร เชื่อมโยงกันอย่าทำงานแบบสุกเอาเผ่ากิน กรรมการอ่านแบบคนตรวจคือดูรายละเอียด แต่อ่านตลอดให้ก่อนส่งผลงานควรทำดังนี้
อ่านทบทวนด้วยตนเอง
หาผู้รู้ช่วยอ่าน , ให้ลูกศิษย์อ่าน
ตรวจสอบองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ปรึกษาผู้รู้เกี่ยวกับการระเมิดลิขสิทธิ์ เช่นรูปภาพ แผนภูมิที่นำของผู้อื่นต้องขออนุญาต ต้องตัดแปลงอย่าให้ใครฟ้องได้ ตาราง ต้องอ่านเนื้อให้ตรงกับรูปหรือตารางอย่าคิดว่าผู้ตรวจไม่รู้ ต้องคิดว่าเราเขียนให้ผู้ตรวจอ่านความน่าอ่าน
1.มาตรฐานด้านเนื้อหา
1. ด้านปริมาณ จะเขียนงานเล่มนี้เท่าไรกี่หน้า เนื้อหาเท่าไร ขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่วางไว้ ต้องประมาณไว้
สอนเท่าไร อธิบายเนื้อหาอย่างไรแบบทดสอบ
สอนให้ทันกับสิ่งที่เกิดในสังคม ทุกส่วนที่ใส่ลงไปในเนื้อหา ต้องเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีประโยชน์ จะเขียนกว้างหรือลึก เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็กำหนดขอบเขตเขียนกว้างต้องอธิบายละเอียดถ้าซ้ำกับคนอื่นอาจตัดย่อหรือนำไปรวมกันส่วนอื่น
ต้องคำนึงถึงผู้อ่าน วิธีการต้องรู้ว่าใครอ่านถ้าเขียนตามหลักสูตร ดูขอบเขตเนื้อว่าควรเป็นอะไร ปีอะไรเป็นส่วนที่เกี่ยวข้อง
2. ด้านคุณภาพ ตำราต้องเขียนครบหลักสูตร วิชาอย่างเดียวกับแต่ปรัชญาคณะต่างกัน มหาวิทยาลัยต้องเขียนต่างกันการเขียนตามตำราต่างประเทศ ต้องระวังเรื่องตัวอย่างอย่าใช้ของฝรั่ง ตำราที่มีคุณภาพผู้เขียนต้องอ่านผลงานวิจัยครบถ้วนของวิชาการ ขึ้นอยู่กับการกำหนดขอบเขต
ความถูกต้องคือตำราต้องเขียนจากข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนต้องค้นคว้ามาดี ตรวจสอบมาอย่างดี มีความใหม่ มุมมองใหม่ ตีความใหม่ มีความเป็นตัวเราอยู่ในงานนั้น เราต้องถามว่าอะไรใหม่อาจหมายถึงการต่อยอดหรือมุมมองใหม่ ต้องทันสมัย เรื่องเดิมแต่มีนำมาเขียนให้เห็นความสำคัญเชื่อมโยงกัน ปัจจุบันอย่างไรต้องลึกซึ้งแตกต่างจากเล่มอื่น ควรลึกกว่าเรื่องทั่ว ๆ ไป มีกลวิธีในการนำเสนอ
3.การนำเสนอ
เครื่องมือ ตารางภาพ แผนภูมิ รูปภาพ
แบ่งเนื้อหาให้เป็นระบบ วิธีการเขียนที่จะไปสู้เป้าหมายคืออะไร เช่นการแบ่ง เป็นบท แบ่งเป็นหัวข้อ จำนวนบททั้งหมด บอกว่าหนังสือนี้สอนเรื่องอะไรต้องมีความสัมพันธ์กันทั้งหมด ต้องสรุปได้ว่าต้องการจะบอกอะไรในแต่ละส่วน มีอะไรสนับสนุนสามารถบอกลำดับแต่ละย่อหน้าแสดงความสัมพันธ์ มีประโยคสำคัญในแต่ละย่อหน้ามีการเชื่อมโยงกับประเด็นอื่นอย่างไร หัวข้อต่าง ๆ ต้องใช้ให้เหมือนกันทั้งเล่ม วางระบบให้ดีนำเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันหรือซ้อนกันมาเขียนให้อยู่ด้วยกันหรือไม่จัดเนื้อหาต่าง ๆ ให้กลมกลื่น
การจัดหน้าตัวอักษรลักษณะเดียวกันตลอดเล่ม
2.มาตรฐานด้านรูปแบบ
ปกหน้า
ปกใน
คำนำ
สารบัญ
เนื้อหา
อ้างอิง
บรรณานุกรม
3.มาตรฐานด้วนภาษา
ภาษาต้องสมบูรณ์มีประธาน กิริยา กรรมในประโยค ต้องเป็นภาษาเขียน
ครบถ้วนสมบูรณ์
ถูกหลักไวยากร
ใช้ภาษาเขียน,คำต่ำ,ความหมายหยาบต้องระวัง
เป็นภาษาวิชาการ ตรงตามเนื้อหา
วิชาการต้องรู้มากกว่าผู้อื่น
ใช้คำที่จำเป็น ใช้คำพูดตรงไปตรงมา
เป็นภาษาที่เรียบเรียงดีมีน้ำหนักความสำคัญเรียงลำดับ
ควรดูว่าส่วนไหนมีการบรรยาย ส่วนไหนเป็นการนำเสนอ
การเปรียบเทียบให้ภาษามีการย่อสรุป
คนเขียนต้อง
1. มีความรู้โดยเฉพาะ โดยต้อนรู้ว่าคนอ่านเป็นปรัเภทใดรู้เรื่องมาก่อนหรือไม่
2. มีแง่มุมใหม่หักล้างของเดิมเสนอของใหม่
3. มีภาษามีรูปแบบของตนเอง
4. ต้องมีความรักในวิชาที่เขียน
5. มีความทุ่มเท มีใจที่จะทำ มีความความครุ่นคิดในเรื่องวิชาการอยู่เสมอ
คำนึงถึงผู้อ่าน
1. ต้องการรู้ใหม่กว้างขึ้น ลึกขึ้น
2. ต้องการตีความใหม่ ต้องมีอิทธิพลทางวิชาการ
3. เกิดความคิดใหม่เห็นช่องทางค้นคว้าใหม่
4. ได้ความกระจ่างในสิ่งที่ค้นหา ต้องการอ่านสิ่งที่ตกให้ง่าย
5. ต้องการมีความเชื่อมั่นในตัวผู้เขียน ต้องมีข้อมูลมีเหตุผลในการวิเคราะห์
6. หนังสือน่าอ่าน
สรุปย่อเพียงแค่นี้สำหรับทบทวนความเข้าใจของผู้ที่จะเขียนตำราในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น